ท้องผูก พุงป่อง ลำไส้แปรปรวน ปัญหากวนใจที่ใครหลายคนต้องพบเจอบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน จนต้องเริ่มมองหาวิธีการ ‘ดีท็อกซ์’ วันนี้เรามีทริคแนะนำเกี่ยวกับช่วงเวลาในการทำดีท็อกซ์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดมาฝาก
ดีท็อกซ์ (Detox) คืออะไร?
ดีท็อกซ์ เป็นวิธีการขจัดสารพิษและสิ่งตกค้างต่างๆ ออกจากร่างกาย ช่วยลดการสะสมของเสียรวมถึงเชื้อโรคที่อาจนำพาไปสู่ปัญหาสุขภาพและการเจ็บป่วยได้ง่าย
การทำดีท็อกซ์สามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น ปรับวิธีการทานอาหาร สวนล้างลำไส้ และการอดอาหาร
รู้หรือไม่? การดีท็อกซ์ให้ถูกเวลา ได้ผลดีกว่าที่คิด!
- ช่วงเช้า เวลา 00-12.00 น. ตอนท้องว่างก่อนทานมื้อเช้า เหมาะสำหรับผู้ต้องการดีท็อกซ์เพื่อลดน้ำหนัก ลดพุงป่อง
- ช่วงบ่าย เวลา 00-15.00 น. เหมาะสำหรับผู้ต้องการดีท็อกซ์เพื่อช่วยกระตุ้นการย่อยในลำไส้เล็ก
- ช่วงเย็น ก่อนเข้านอน เหมาะสำหรับผู้ต้องการดีท็อกซ์เพื่อลดน้ำหนัก และกระตุ้นระบบย่อยอาหาร
ประโยชน์ของการดีท็อกซ์
1. แก้ปัญหาท้องผูก ขับถ่ายยาก
2. บรรเทาอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน
3. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ และโรคทางเดินอาหาร
4. ลำไส้สะอาด กระตุ้นให้ลำไส้ทำงานได้อย่างเต็มที่
5. ผิวพรรณสดใส ร่างกายสดชื่น ภูมิคุ้มกันดีขึ้น
6. ลดน้ำหนัก
อาการแบบไหนควรดีท็อกซ์?
• ท้องผูก สลับท้องเสีย
• แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
• มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
• เป็นร้อนใน
• ริดสีดวงทวาร
• ผิวหมองคล้ำ เหนื่อยง่าย
การดีท็อกซ์ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น เราสามารถดีท็อกซ์อย่างปลอดภัยได้ที่บ้าน เพราะปกติแล้วร่างกายของเราจะมีกลไกการขจัดสิ่งสกปรกด้วยตัวเอง เริ่มจากการปรับวิธีทานอาหาร ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น กินผักและผลไม้เพื่อเพิ่มกากใยช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร และหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ข้อควรระวังในการทำดีท็อกซ์คือหากทำไม่ถูกวิธีอาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ หรือทานอาหารเสริมเพื่อช่วยปรับสมดุลลำไส้ก็นับเป็นทางเลือกที่ดีในการเริ่มต้นทำดีท็อกซ์
ขับถ่ายคล่อง ขจัดสารพิษตกค้าง ลำไส้สะอาดจากคลอโรฟิลล์ธรรมชาติด้วย ALFA Chlorophyll
💚 ดีท็อกซ์ปรับสมดุลสำไส้
💚 สบายท้อง ลดไขมันสะสมใหม่
💚 1 ช้อน = ผัก 10 กิโลกรัม!!
💚 1 กระปุก ทานได้ 1 เดือน
💚 ดื่มได้ทั้งวัน ชงง่าย ไม่เหม็นเขียว