เคล็ดลับนางพญา

เคล็ดลับนางพญา

 นมผึ้ง (Royal jelly) เป็นอาหารสำคัญสำหรับผึ้งนางพญา ที่ช่วยให้ผึ้งนางพญามีอายุยืนมากกว่าผึ้งงานถึง 20 เท่า!! เป็นสารชนิดหนึ่งที่ผลิตจากต่อมพิเศษข้างศีรษะ ชื่อว่า “ไฮโปฟาริงซ์” และต่อมน้ำลาย ของผึ้งงานที่มีอายุ 5-15 วัน มีลักษณะเป็นครีมสีเหลืองหรือขาวขุ่น หนืด กลิ่นเปรี้ยว รสชาติเผ็ดเล็กน้อย โดยผึ้งงานจะคายนมผึ้งออกมาใส่ลงในรวงผึ้งตัวอ่อน เพื่อใช้เป็นอาหารเร่งการเจริญเติบโตไปเป็นผึ้งงาน ใน 1 วันจะสามารถผลิตนมผึ้งได้เพียงวันละ

1.5-3.3 g เท่านั้น

        นมผึ้งคืออาหารสำหรับตัวอ่อนของผึ้งและราชินี ตัวอ่อนของผึ้งงานจะได้รับนมผึ้งเพียง 3 วันแรกที่ออกจากไข่ ขณะที่ตัวอ่อนที่ได้รับคัดเลือกเป็นราชินีจะได้รับนมผึ้งนี้ตลอดชีวิต ซึ่งช่วยบำรุงให้ราชินีผึ้งมีอายุยืนนานกว่า (ราชินีผึ้งมีอายุประมาณ 4-5 ปี ผึ้งงานมีอายุประมาณ 45 วัน) มีขนาดและน้ำหนักตัวมากกว่าผึ้งชนิดอื่น รวมทั้งทำให้ราชินีผึ้งสามารถออกไข่ได้วันละ 2,000-3,000 ฟอง และจะวางไข่ได้ทุกวันตลอดจนอายุขัย

องค์ประกอบของนมผึ้ง

น้ำ ร้อยละ 60-70

โปรตีน ประมาณร้อยละ 12-15

น้ำตาล ร้อยละ 10-16

ไขมันร้อยละ 3-6

นมผึ้งมีกรดอะมิโน และอนุพันธ์ทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับมนุษย์

ส่วนประกอบที่เหลือประมาณร้อยละ 1-2 ประกอบด้วยวิตามิน เกลือแร่ต่าง ๆ รวมถึงฮอร์โมน สารฆ่าเชื้อธรรมชาติบางชนิดและสารประกอบชีวเคมี อะเซตทิลคลอไรด์กับไอโนซิทอล คาร์โบไฮเดรตในนมผึ้งเป็นน้ำตาลธรรมชาติเช่นเดียวกับกลูโคส ฟรุกโตส และซูโครส นอกจากนี้นมผึ้งยังมีเอ็นไซม์ ได้แก่ เอนไซม์กลูโคสออกซิเดส ฟอสฟาเตส คอลีนเอสเทอเรส ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีคุณสมบัติช่วยต้านจุลินทรีย์และกรดไขมันที่มีความสำคัญอย่าง 10-Hydroxy-2-Drcenoid Acid (HDA) มีคุณสมบัติที่ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของความงาม ช่วยในการชะลอวัย การฟื้นฟูความเสื่อมสภาพของเซลล์ ควบคุมการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อที่สึกหรอให้ฟื้นคืนสภาพได้เร็วขึ้น ขจัดเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพ ป้องกันการเกิดเซลล์ผิดปกติต่าง ๆ เป็นต้น และสารมีฤทธิ์คล้ายอินซูลินที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

           นมผึ้งเป็นแหล่งของสารอาหารที่ครบถ้วน มีทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ รวมถึงสารประกอบชีวเคมี เช่น เอนไซม์ เป็นต้น ได้มีการเปรียบเทียบสารอาหารของน้ำนมวัวกับนมผึ้ง พบว่านมผึ้งมีปริมาณโปรตีนมากกว่านมวัวประมาณ 5 เท่า มีคาร์โบไฮเดรตมากกว่าประมาณ 3 เท่า และมีปริมาณวิตามินที่มากกว่าในนมวัว

            นมผึ้งอุดมด้วยวิตามินหลายชนิด ที่สำคัญคือวิตามินบี ซึ่งได้แก่ วิตามินบี 1 (ไธอามีน) วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) เนียซิน กรดแพนโททินิก และไบโอติน และยังมีวิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน) ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นต่อกระบวนการทำงานของโปรตีน และเป็นวิตามินต่อต้านความเครียด รวมถึงกรดฟอลิกและวิตามินบี วิตามินทั้งสองชนิดสามารถป้องกันโรคโลหิตจางได้ เกลือแร่ที่มีในนมผึ้ง ได้แก่ แคลเซียม ทองแดง เหล็ก ฟอสฟอรัส โปตัสเซียม ซิลิคอนและกำมะถัน นอกจากนี้ยังมีอะเซตทิลคลอไรด์ (1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักนมผึ้ง1กรัม) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นต่อระบบการทำงานของประสาทในมนุษย์ส่วนประกอบอีกตัวคือสารประกอบชีวเคมีไอโนซิทอล ซึ่งช่วยขจัดไขมันตกค้างในตับลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือด และยังเป็นสารต่อต้านความเครียด ช่วยบำรุงรักษาเส้นผม

ประโยชน์ของนมผึ้ง กับคุณสมบัติที่มีต่อสุขภาพ

1. ผลทางกระตุ้นทางชีวภาพ เพิ่มอัตราการดูดซับอาหารและออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง และเพิ่มอัตราขับถ่ายของเสียและคาร์บอนไดออกไซด์  

    –  รับประทานก่อนอาหาร 30 นาที จะช่วยเรียกน้ำย่อย กระตุ้นความรู้สึกอยากอาหาร 

    –  รับประทานหลังอาหาร จะกระตุ้นการใช้อาหารและเผาผลาญให้พลังงานที่สมบูรณ์

    –  รับประทานก่อนนอน มีผลทางซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและกระตุ้นให้ร่างกายแข็งแรงกระฉับกระเฉง เตรียมพร้อมสู้งานหนักในวันรุ่งขึ้น

2.ผลต่อฮอร์โมน กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงและชายให้ได้สมดุล และเพิ่มสมรรถภาพทางสร้างสเปริ์มและช่วยการสุกของไข่ในสตรีมีประจำเดือนมาไวและหมดประจำเดือนช้า ช่วยให้คงความสาวได้นานกว่าปกติ ในผู้ชายจะเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้คงอยู่ได้นาน

3.ผลทางการสร้างเม็ดเลือดและความแข็งแรงของกระดูก ในเด็กเล็กและคนสูงอายุจะเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก และช่วยการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น ช่วยดูดซับอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

4.ช่วยให้หัวใจเต้นดีขึ้น ทำให้สูบฉีดโลหิตหมุนเวียน ผ่านสมอง ปอด ตับ ไต และแขนขาได้ดีขึ้น คนสูงอายุหรือผู้ป่วยจะรู้สึกอบอุ่นและสดชื่น

5.ผลต่อเม็ดเลือดขาวและระบบภูมิต้านทาน จะเสริมสร้างเม็ดเลือดขาวทุกส่วนให้สมบูรณ์ เพิ่มความต้านทานและขจัดพิษหรือทำลายเชื้อโรคได้ดีขึ้น พร้อมทั้งฟื้นฟูสมรรถภาพของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ภายหลังเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ

6. ผลต่อระบบเมตาโบลิซึม ควบคุมการเก็บและการใช้น้ำตาล โปรตีน และไขมันในเลือดให้ปกติ ควบคุมแร่ธาตุในเลือดให้สม่ำเสมอ การทำงานของระบบกล้ามเนื้อและประสาทต่าง ๆ ทั่วร่างกายเป็นไปตามปกติ

7. ผลต่อการสร้างเซลล์ใหม่และเนื้อเยื่อใหม่ ควบคุมการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อที่ฉีกขาด สึกหรอให้ฟื้นคืนสภาพได้รวมเร็วขึ้น ขจัดเซลล์เก่าที่ตายไปตามวงจรชีวิต ป้องกันการเกิดเซลล์ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง

8. ผลต่อการลดการอักเสบของข้อและเนื้อเยื่อต่างๆ มีผลเหมือนสารสเตียรอยด์ แต่อันตรายและผลข้างเคียงไม่มี จึงได้ผลดีในการใช้ร่วมกับยาของแพทย์สำหรับการรักษาการอักเสบของบาดแผล หรือปวดข้อและปวดกระดูกเรื้อรัง

9. ผลต่อการทำให้มีชีวิตที่ยืนยาว เนื่องจากผลโดยส่วนรวมทำให้ระบบต่างๆ ทำงานได้ดี มีสมรรถภาพมากขึ้นและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ

Good For Health

– เสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวให้แข็งแรง ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

– ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ

–  บำรุงระบบประสาทสมอง หรือ อัลไซเมอร์

–  บำรุงเลือด สำหรับผู้ที่ผิดปกติเกี่ยวกับเม็ดเลือดและความเข้มข้นของเลือด

– ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน เช่น โรคภูมิแพ้ เป็นหวัดได้ง่าย โพรงจมูกอักเสบ ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

– เป็นยาอายุวัฒนะที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอวัยและทำให้สุขภาพแข็งแรง

– ช่วยในการเจริญเติบโตของสมองและร่างกาย

– ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

– ช่วยลดความดันโลหิต

–  ช่วยฟื้นฟูร่างกาย และช่วยให้หายป่วยเร็วกว่าปกติ

– ลดสภาวะนอนไม่หลับ หลับไม่ลึก ตื่นบ่อย พักผ่อนน้อย

– ช่วยบรรเทาอาการเครียดและช่วยต่อต้านความเครียด ลดอาการซึมเศร้า

– ช่วยกระตุ้นและเสริมสร้างการทำงานและปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงและชาย

– ช่วยภาวะมีบุตรยาก

–  ช่วยให้แคลเซียมดูดซึมได้ดีขึ้น มีผลทำให้ช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก

– ลดการอักเสบของข้อและเนื้อเยื่อต่างๆ มีผลเหมือนสารสเตรอยด์ แต่ไม่มีอันตรายและไม่มีผลข้างเคียง

วิธีรับประทาน : นมผึ้งในรูปของอาหารเสริม มีจำหน่ายทั่วไปในรูปแบบซอฟเจล โดยจะมีปริมาณของนมผึ้งประมาณ 1,000 mg. สำหรับขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันประมาณ 300-500 mg. และในกรณีเร่งด่วนให้รับประทานวันละ 1,000 mg.

คำเตือน : ผู้ที่แพ้ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง เช่น น้ำผึ้ง ไขผึ้ง ไม่ควรรับประทาน