คุณรู้ไหม? ทุกวันร่างกายของเราต้องรับสารพิษจากอาหาร แอลกอฮอล์ มลภาวะ และความเครียด สารพิษเหล่านี้สะสมในร่างกาย อาจเป็นต้นเหตุของ ผิวพรรณหมองคล้ำ อ่อนเพลีย ลำไส้ไม่ดี และภูมิคุ้มกันลดลง
คุณรู้ไหม? ทุกวันร่างกายของเราต้องรับสารพิษจากอาหาร แอลกอฮอล์ มลภาวะ และความเครียด สารพิษเหล่านี้สะสมในร่างกาย อาจเป็นต้นเหตุของ ผิวพรรณหมองคล้ำ อ่อนเพลีย ลำไส้ไม่ดี และภูมิคุ้มกันลดลง
“ท้องเสีย” หรือ “ท้องร่วง” คือ ภาวะที่เรามีอาการถ่ายเหลวบ่อยครั้งภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง หรือ ภายใน 1 วัน สำหรับอาการ “ท้องเสีย” มักเกิดขึ้นเมื่อระบบทางเดินอาหาร หรือลำไส้ของเรามีปัญหาในบางคน พบว่าตัวเองมีอาการ “ท้องเสีย” บ่อยครั้ง แต่คิดว่าไม่เป็นอะไร แค่นอนพัก หรือทานยาเดี๋ยวก็หาย แต่รู้หรือไม่? ท้องเสียบ่อย อันตรายมากกว่าที่คิด เพราะ เป็นสัญญาณของความผิดปกติในลำไส้ และยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคที่จะตามมาได้อีกด้วย ท้องเสียอันตรายอย่างไร? เมื่อเรา “ท้องเสีย” ร่างกายจะสูญเสียน้ำ รวมไปถึงวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ ทำให้คนที่ “ท้องเสีย” มีลักษณะใบหน้าซีดเซียว ร่างกายดูอ่อนเพลีย ในบางคนถึงกับขั้นเป็นลมเป็นแล้ง หรือหนักเข้า สามารถเกิดอาการ “ช็อก” หมดสติไปเลยก็มี นอกจากนี้ หาก “ท้องเสีย” บ่อย ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในลำไส้ ไม่ว่าจะเป็น ลำไส้แปรปรวน ท้องเสียเรื้อรัง เนื้องอกและมะเร็งในลำไส้…
อาการหน้ามืด วูบหมดสติ ที่มักเกิดขึ้นกับใครหลายๆคน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากภาวะของร่างกายที่กำลังอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อยจากการใช้ชีวิตประจำวัน พักผ่อนไม่เพียงพอ คนส่วนใหญ่มักมองข้ามความน่ากลัวและรักษาเพียงอาการเบื้องต้น ไม่ได้ใส่ใจถึงต้นตอที่แท้จริง ไม่ทันได้ระวังถึงภัยแฝงที่อาจมาพร้อมกับอาการวูบในรูปแบบต่างๆ ซึ่งนั่นอาจเป็นสัญญาณอันตรายของ ‘โรคร้าย’ ที่คุณอาจกำลังเผชิญอยู่ ภาวะวูบหมดสติเสี่ยงโรคร้ายอะไรบ้าง? ทำอย่างไรเมื่อรู้สึกวูบหมดสติ? การดูแลเบื้องต้นเมื่อพบเห็นคนวูบหมดสติ อาการวูบแบบไหนที่ควรรีบพบแพทย์? หากรู้ตัวว่าตนเองมีอาการวูบบ่อยและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องรีบพบแพทย์ ควรเข้ารับคำแนะนำเพื่อตรวจหาภาวะแทรกซ้อนในร่างกาย สำหรับคนที่ไม่ได้มีอาการรุนแรงให้ทำการรักษาอาการเบื้องต้นไปก่อน อย่ามองข้ามอาการวูบเล็กๆน้อยๆ ของตัวเอง ทำความเข้าใจอาการเหล่านี้ให้ดี เพื่อลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคร้ายในตัวคุณ “วูบบ่อย หน้ามืด บ้านหมุน” อาจเป็นสัญญาณเตือนจากโรคร้าย เฝ้าระวังตัวเองและผู้สูงอายุในบ้านอย่างใกล้ชิด มองหาตัวช่วยดีๆ อย่าง Asta Oil ดูแลคนที่คุณรัก โปรโมชั่นพิเศษ สุขภาพดีได้จากภายใน
ในโลกยุคปัจจุบัน ที่ทุกคนมี “สมาร์ตโฟน” เป็นเหมือนอวัยวะที่ 33 ของร่างกาย ยิ่งทำให้ภาวะ “ตาแห้ง” กลายเป็นปัญหาใกล้ตัวกับคนยุค “ดิจิทัล”
กระแสรักสุขภาพเริ่มกลับมาฮอตฮิตอีกครั้ง ใครๆ ก็อยากมีรูปร่างที่ดี หุ่นที่เป๊ะปัง เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้สุขภาพดี แต่ยังเพิ่มความมั่นใจได้อีกด้วยวิธี IF (Intermittent Fasting) หรือการจำกัดช่วงเวลาการกินในแต่ละวัน จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการลดน้ำหนัก แต่คำถามที่พบบ่อยคือ ถ้าเป็น “กรดไหลย้อน” หรือ “โรคกระเพาะ” อยู่ล่ะ จะสามารถทำได้ไหม? จะส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือเปล่า? วันนี้เรามีคำตอบ ข้อดีของการทำ IF การลดหรือจำกัดเวลาในการรับประทานอาหารในช่วงหนึ่ง ทำให้ร่างกายได้ดึงพลังงานจากไขมัน ที่สะสมไว้ในร่างกายมาเผาผลาญ ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดียิ่งขึ้น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบภายในร่างกาย ชะลอวัย ผิวพรรณสดใส ส่งเสริมการทำงานของสมอง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และอัลไซเมอร์ ข้อเสียของการทำ IF …
“ เชื่อว่าใครหลายคน อาจได้ยินกันคุ้นหูหรือเคยได้ยินกันมาบ้าง กับคำว่า สารต้านอนุมูลอิสระ หรือ antioxidant แต่รู้รึป่าว ว่าแท้จริงแล้วสารเหล่านี้เป็นอย่างไร? มีบทบาทแค่ไหนกับชีวิตของพวกเรา? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสารนี้ให้มากขึ้น” สารต้านอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่ร่างกายสร้างขึ้นมา เพื่อไม่ให้อนุมูลอิสระนี้สร้างความเสียหายให้กับเซลล์ หรือทำลายระบบภูมิ อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ซึ่งจะส่งผลช่วยชะลอการแก่ชรา ลดอาการอัลไซเมอร์ ลดระดับคอเรสเตอรอ และความเสี่ยงต่อโรคหลายโรค สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) คือ สารประกอบที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยต่อต้าน อนุมูลอิสระ แหล่งของอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กลุ่มของผัก ผลไม้สีเหลืองและสีส้ม เช่น แครอท ฟักทอง มะละกอ แหล่งของ วิตามินเอ และ เบตาแคโรทีน ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า ผักปวยเล้ง ถั่วลันเตา บร็อคโคลี่ แหล่งของลูทีน ผัก ผลไม้สีแดง เช่น มะเขือเทศ แตงโม พริกหวาน…
โดย John Staughton(ฺBASc,BFA) เอกลักษณ์ของอะเซโรล่าเชอร์รี่ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมีหลากหลาย เช่น ลดริ้วรอยก่อนวัย บำรุงหัวใจ เพิ่มการไหลเวียนโลหิตส่งเสริมให้ผิวพรรณกระจ่างใส กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
Reishi Extract เคล็ดลับบำรุงร่างกายของจักรพรรดิคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 250 ชนิดในวงการแพทย์แผนจีนเกือบ 30% ของยาสมุนไพรจีนจะต้องมีเห็ดหลินจือเป็นส่วนผสม สาร “Ganoderma Polysaccharide” ในเห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติโดดเด่นต่อระบบภูมิต้านทานของร่างกายช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด ตลอดจนระบบการทางานของตับและไต เห็ดหลินจือมีมากกว่า 2,000 สายพันธุ์ แต่มีเพียง 6 สายพันธุ์เท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย จากงาน วิจัยต่างๆ พบว่าในบรรดาเห็ดหลินจือ เห็ดหลินจือสายพันธุ์สีแดง (Ganoderma lucidum) มีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุด ในเห็ดหลินจือแดงมีสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 250 ชนิด ส่งผลให้ร่างกายเกิดความสมดุลเพิ่มพลังในการป้องกันและบำบัดโรค ห็ดหลินจือสกัดชนิดแคปซูล พิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบที่ควบคุมการเพาะปลูกบนขอนไม้โอ๊ค ในระบบปิด เป็นออแกนิค 100% ปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลง เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ได้คุณภาพ ใช้ระยะเวลาเพาะเลี้ยงถึง 1 ปีเพื่อให้ได้เห็ดหลินจือและสปอร์ที่มีคุณภาพสูง คัดสรรส่วนผสมที่ผสานระหว่างสปอร์เห็ดหลินจือกะเทาะผนังหุ้มที่ออกฤทธิ์ให้สรรพคุณทางยาดีที่สุดกับส่วนต้นและดอกเห็ด ที่ผ่านกรรมวิธีสกัดแบบใช้ไอน้ำ และใช้เทคโนโลยี Spray Dry เพื่อให้ได้เห็ดหลินจือสกัดที่รักษาคุณภาพของสารสกัดเห็ดหลินจือบริสุทธิ์ สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย หลินจือสายพันธุ์สีแดง ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยทำให้อายุยืนยาว ชะลอวัย มีฤทธิ์บำรุงร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย…
คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีมากที่สุดในร่างกายของมนุษย์ คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันธ์ที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆของร่างกายรวมถึงเอ็นกล้ามเนื้อเส้นเอ็น ผิวหนังและกล้ามเนื้อ คอลลาเจนมีส่วนประกอบที่สำคัญมากมายรวมถึงให้โครงสร้างและเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนเป็นที่นิยม ส่วนใหญ่เป็นไฮโดรไลซ์ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีอาหารหลายชนิดที่ สามารถกินเพื่อเพิ่มปริมาณคอลลาเจนของคุณ รวมถึง ผิวหนังหมูและน้ำซุปกระดูก การบริโภคคอลลาเจนมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายตั้งแต่การบรรเทาอาการปวดข้อจนถึงการปรับปรุงสุขภาพผิว ประโยชน์ต่อสุขภาพ 6 ประการที่ได้รับการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ของการใช้คอลลาเจ คอลลาเจนมีบทบาทในการเสริมสร้างความแข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลงนำไปสู่ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยอย่างไรก็ตามการศึกษาหลายแห่งแสดงให้เห็นว่าคอลลาเจนเปปไทด์หรืออาหารเสริมที่มีคอลลาเจนอาจช่วยชะลอความชราของผิวโดยการลดริ้วรอยและความแห้งกร้านในการศึกษาหนึ่งผู้หญิงที่ทานอาหารเสริมที่มีคอลลาเจน 2.5–5 กรัมเป็นเวลา 8 สัปดาห์มีอาการผิวแห้งน้อยลงและมีความยืดหยุ่นของผิวหนังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารเสริมการศึกษาอื่นพบว่าผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มผสมกับคอลลาเจนเสริมทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์มีประสบการณ์เพิ่มความชุ่มชื้นผิวและลดความลึกของริ้วรอยอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมการทานอาหารเสริมคอลลาเจน สามารถช่วยในการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนด้วยตัวเองนอกจากนี้การเสริมคอลลาเจนอาจส่งเสริมการผลิตโปรตีนอื่น ๆ ที่ช่วยโครงสร้างผิวของคุณรวมถึงอีลาสตินและไฟบริลลินนอกจากนี้ยังมีการบอกเล่าเรื่องราวจำนวนมากว่าอาหารเสริมคอลลาเจนช่วยป้องกันสิวและสภาพผิวอื่น ๆ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้รับการสนับสนุนโดยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ 2. คอลลาเจนช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ คอลลาเจนช่วยรักษาความสมบูรณ์ของกระดูกอ่อนของคุณซึ่งเป็นเนื้อเยื่อเหมือนยางที่ช่วยปกป้องข้อต่อ เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณคอลลาเจนในร่างกายจะลดลง มีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของข้อเสื่อมเช่นโรคข้อเข่าเสื่อมจะเพิ่มขึ้น การศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการทานอาหารเสริมคอลลาเจนอาจช่วยปรับปรุงอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมและลดอาการปวดข้อโดยรวม จากการศึกษาหนึ่งครั้งพบว่านักกีฬา 73 คนที่บริโภคคอลลาเจน 10 กรัมทุกวันเป็นเวลา 24 สัปดาห์มีอาการปวดข้อที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญขณะเดินและพักผ่อนเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ทาน ในการศึกษาอื่นผู้ใหญ่ใช้ คอลลาเจน 2 กรัมทุกวันเป็นเวลา 70 วัน ผู้ที่ใช้คอลลาเจนมีอาการปวดข้อที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและสามารถมีส่วนร่วมในการออกกำลังกายได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้ทาน นักวิจัยได้ตั้งทฤษฎีว่าคอลลาเจนเสริมอาจสะสมในกระดูกอ่อนและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อ สร้างคอลลาเจน และอาจช่วยให้การอักเสบลดลง ช่วยให้ข้อต่อมีความยืดหยุ่นและลดอาการปวด การลองใช้คอลลาเจนเสริมสำหรับการบรรเทาอาการปวด แนะนำว่าควรเริ่มต้นด้วยปริมาณ 8-12…
นมผึ้ง (Royal jelly) เป็นอาหารสำคัญสำหรับผึ้งนางพญา ที่ช่วยให้ผึ้งนางพญามีอายุยืนมากกว่าผึ้งงานถึง 20 เท่า!! เป็นสารชนิดหนึ่งที่ผลิตจากต่อมพิเศษข้างศีรษะ ชื่อว่า “ไฮโปฟาริงซ์”